หากคุณประสบปัญหาขณะที่กำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วเกิดมีการแจ้งเตือนข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS ขึ้นบนเบราว์เซอร์ Google Chrome ก็อย่าเพิ่งตื่นตกใจไป เนื่องจากมีวิธีการแก้ไข และในวันนี้เราก็มีวิธีการมากกว่า 7 วิธีในการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้มาแนะนำกัน แต่ก่อนอื่นเลย หลายๆคนอาจจะยังสงสัยว่าข้อผิดพลาดที่แจ้งเตือนมานี้คืออะไร ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ ดังนั้น วันนี้เราจึงจะขอพาไปทำความรู้จักกันก่อนว่า ERR_CACHE_MISS คืออะไร
อะไรคือ ERR_CACHE_MISS?
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบเจอบ่อยที่สุดสำหรับผู้ใช้งานเบาร์วเซอร์ Google Chrome ก็คือข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS ซึ่งอาจปรากฏขึ้นเมื่อคุณพยายามส่งข้อมูลไปยังเว็บไซต์ กล่าวคือ ขณะที่มีการการส่งข้อมูลจากเบาร์เซอร์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์โดยขัดจังหวะ ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลจำต้องหยุดชะงักไป ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่คุณกำลังต้องการซื้อสินค้าสักชิ้นหนึ่ง แล้วเพิ่งจะทำการกรอกแบบฟอร์มที่มีรายละเอียดต่างๆเช่น ที่อยู่ เบอร์โทร และรายละเอียดในการชำระเงินของคุณ และในตอนนั้นข้อมูลอาจจะถูกส่งไปสองครั้งเพราะอิเทอร์เน็ตเกิดรวน จนเป็นสาเหตุทำให้ระบบแคชของ Google Chrome แจ้งเตือนข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS ที่เกิดขึ้นมายังคุณในทันที
แก้ *ERR_CACHE_MISS* ใน Google Chrome ด้วย 7 วิธี
การแก้ปัญหาตรงนี้ทำง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยคุณอาจจะโหลดหน้านี้ซ้ำอีกครั้ง หรือทำตามวิธีการแก้ไขที่เราได้เลือกสรรมาแล้วกว่า 7 วิธี ที่จะช่วยให้คุณใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างราบรื่น
1. รีเซ็ตเว็บเบราว์เซอร์
วิธีง่ายๆ วิธีการแรกหลังจากที่เว็บเบราว์เซอร์ขึ้นแจ้งเตือนว่า ERR_CACHE_MISS ให้คุณทำการรีเซ็ตเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ โดยทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
- ก่อนอื่นเลยให้ไปที่ไอคอนไข่ปลา 3 จุดบน Google Chrome จากนั้นก็เลือกการตั้งค่า
- คลิกที่ตัวเลือก แสดงการตั้งค่าขั้นสูง
- เลือกไปที่ตัวเลือก รีเซ็ตและล้างข้อมูล
- Net err_cache_miss จะได้รับการแก้ไขในที่สุด
2. ปิดการใช้งานแคชในเว็บเบราว์เซอร์
สำหรับสิ่งนี้คุณต้องทำการตั้งค่าขั้นสูงใน Chrome เอง หนึ่งในตัวเลือกดังกล่าวคือการปิดใช้งานความเป็นไปได้ของแคช การตั้งค่านี้สามารถหยุดข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS facebook ในระบบของคุณ โดยทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
- กด Ctrl + Shift + Iตามด้วยปุ่ม F1 จะเปิดเมนู Settings
- จากนั้นคุณต้องตรวจสอบตัวเลือกปิดการใช้งานแคช
- เสร็จแล้วให้ทำการรีสตาร์ทเบราว์เซอร์ขึ้นมาอีกครั้ง
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่อาจช่วยให้คุณผ่านพ้นข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS นั้นไปได้
แต่หากคุณยังคงต่อสู้กับปัญหานี้ การใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์อาจจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. การโหลดหน้านี้ใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นขั้นตอนที่ง่ายดายอีกหนึ่งวิธีและสามารถทำได้ทันทีหลังจากที่คุณพบเจอกับข้อความ ERR_CACHE_MISS ซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา
โดยเทคนิคนี้สามารถใช้ได้ตลอดเวลาที่เกิดข้อผิดพลาด อาจเป็นผลมาจากปัญหาของเครือข่ายที่เกิดขัดข้องจนการเชื่อมต่อขัดข้องและมีปัญหา วิธีการแก้ก็คือกดปุ่มรีเฟรส หรือ ปุ่มโหลดซ้ำ หรือกดไปที่ปุ่ม F5 ได้เลย และหากวิธีการนี้ได้ผล หน้าเว็บไซต์ของคุณก็จะกลับมาดังเดิม แสดงให้เห็นว่าไม่มีปัญหาใดๆและใช้งานได้เหมือนเคย
4. ปิดการใช้งานส่วนขยายอย่างน้อยหนึ่งรายการในเว็บเบราว์เซอร์
ในบางครั้งหากยังไม่สามารถโหลดหน้าเว็บด้วยเบราว์เซอร์ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะส่วนขยายบางอย่างภายในเบราว์เซอร์ไม่รองรับ หรือ มีการบล็อกไว้ แต่มีวิธีแก้ไขได้ง่ายๆ โดยทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
- ก่อนอื่นเลยให้ไปที่ไอคอนไข่ปลา 3 จุดบน Google Chrome จากนั้นก็เลือกการตั้งค่า
- เลือกเครื่องมือเพิ่มเติม จากนั้นก็คลิกไปที่ส่วนขยาย
- คุณจะเห็นรายการส่วนขยายทั้งหมดที่ใช้อยู่บนเบราวน์เซอร์ของคุณ
- ให้ทำการปิดใช้งานส่วนขยายทั้งหมดไปก่อนเพื่อแก้ไขปัญหาการขึ้นแจ้งเตือนข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS
หากทำตามดังนี้แล้วยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา หรือ ยังไม่รู้ว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ก็ยังไม่ต้องกังวลไป เพราะยังมีอีกหลากหลายวิธีให้เลือกใช้
5. การล้างข้อมูลของเบราว์เซอร์ของคุณ
การที่เราเรียกดูเนื้อหาต่างๆผ่านเว็บเบราว์เซอร์ จะทำให้เกิดการสะสมของไฟล์ที่เสียหายและแคชอื่นๆเพิ่มเติมในเบราว์เซอร์ของคุณ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS ขึ้น แต่ปัญหานี้ก็สามารถแก้ไขได้ง่ายๆเพียงแค่ล้างข้อมูลออกจากเว็บเบราว์เซอร์ของคุณออกบ้าง โดยทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
- ก่อนอื่นเลยให้ไปที่ไอคอนไข่ปลา 3 จุดบน Google Chrome จากนั้นก็เลือกการตั้งค่า
- คลิกไปที่ตัวเลือกเครื่องมือเพิ่มเติม จากนั้นก็เข้าไปเลือกที่การล้างข้อมูลการท่องเว็บ
- ตรวจสอบสิ่งที่คุณต้องการล้างให้เรียบร้อยแล้วกดยินยันการล้างเบราว์เซอร์
- ทำการรีสตาร์ทเบาร์เซอร์ของคุณขึ้นมาอีกครั้ง
6. รีเซ็ตเครือข่ายโดยใช้หน้าต่างคำสั่ง
เทคนิคนี้ใช้ในการซ่อมแซมปัญหา ERR_CACHE_MISS ให้สามารถทำงานได้หากมีปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับเครือข่ายของคุณ เรียกว่าเป็นวิธีการใช้หน้าต่างคำสั่งในการแก้ไขการตั้งค่าเครือข่ายของคุณให้เป็นค่าเริ่มต้น โดยทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
- เปิดหน้าต่างคำสั่งโดยใส่คำว่า cmd ลงใน Run Window
- เรียกใช้หน้าต่างคำสั่งเพิ่มเติมในฐานะผู้ดูแลระบบ
- เรียงลำดับคำสั่งที่ตามมาทีละคำสั่งภายในหน้าต่าง:
- ipconfig / release
- ipconfig / ทั้งหมด
- ipconfig / flushdns
- ipconfig / ต่ออายุ
- netsh int ip ตั้งค่า dns
- รีเซ็ต netsh winsock
- รีสตาร์ทระบบ
การตั้งค่าเครือข่ายจะเปลี่ยนกลับเป็นค่าเริ่มต้น หากมีข้อบกพร่องในการตั้งค่าเครือข่ายของคุณคุณจะไม่เห็นข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS บนหน้าจอของคุณอีกต่อไป
7. ใช้ DevTools
เป็นวิธีการที่ได้ผลชะงัก หากแต่ก็ต้องใช้เครื่องมือเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติม นั่นก็คือ DevTools (เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์) เป็นชุดเครื่องมือที่มีอยู่ใน Chrome ซึ่งมีหน้าที่ใช้เพื่อซ่อมแซมข้อบกพร่องเล็กน้อยจำนวนมาก และแน่นอนว่าก็ใช้แก้ไขข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS ได้เช่นกัน โดยทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ :
- กด Ctrl + Shift + Iกุญแจทั้งหมดเพื่อเปิดการตั้งค่า
- ภายในหน้าต่าง DevTools คุณจะต้องเลือกแอปพลิเคชันจากรายการตัวเลือกที่สามารถเข้าถึงได้
- คลิกที่Clear Storageและเลือกแอปพลิเคชันที่คุณต้องการกรอง
- คลิกที่ข้อมูลเว็บไซต์ที่ชัดเจนและจากนั้นก็รีสตาร์ทเบราว์เซอร์ใหม่อีกครั้ง
ข้อสรุป
วิธีแก้ไขดังที่กล่าวมาในข้างต้นนี้ เป็นวิธีที่ส่วนใหญ่แล้วใช้แก้ไขข้อผิดพลาด ERR_CACHE_MISS แล้วได้ผลชะงัก ดังนั้นเราจึงได้คัดสรรมาให้เลือกใช้งานกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากวิธีที่แนะไปใช้แล้วไม่ได้ผล ให้คุณทำการลองเปิดเว็บที่คุณต้องการกับเบราว์เซอร์อื่นๆดู แล้วถ้าหากว่าเปิดไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน ก็แสดงว่าปัญหาทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่เบราว์เซอร์ที่คุณใช้งานแล้ว หากแต่เป็นปัญหาของเว็บไซต์ ซึ่งต้องได้รับการแก้ไขโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทำการดูแลเว็บไซต์นั้นๆเท่านั้น
อ่านโพสต์อื่น ๆ ของเรา:
Comments